1. มีความมั่นคงทางรายได้
อย่างที่ทราบกันดีว่าวิกฤตโควิด ได้ทำพิษไปยังเศรษฐกิจในหลายๆ ส่วน ฉะนั้นหากธนาคารปล่อยกู้สินเชื่อบ้านให้ง่ายเหมือนเดิมๆ อาจส่งผลให้ผู้กู้ผ่อนไม่ไหว เกิดเป็นหนี้เสียขึ้นมาได้ ซึ่งจะทำให้กระทบเศรษฐกิจมากกว่าเดิมได้ ฉะนั้นในตอนนี้กลุ่มอาชีพในธุรกิจที่มีภาวะเสี่ยงตกงานสูงอาจจะลำบากกู้สินเชื่อบ้านยากกันซักหน่อยนะครับ
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงที่ว่ามีอะไรบ้าง ผมได้นำข้อมูลจากการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2563 ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ที่ได้ประเมินผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะผลกระทบต่อการจ้างงาน ซึ่ง กกร.ประเมินว่าอาจจะมีคนตกงานจากกลุ่มธุรกิจดังต่อไปนี้
1.ธุรกิจบันเทิง
2.ร้านอาหาร
3.สปาและร้านนวด
4.ธุรกิจโรงแรม
5.ศูนย์การค้าและค้าปลีก
6.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
7.สิ่งทอ
8.ธุรกิจก่อสร้าง
กลุ่มธุรกิจเหล่านี้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่เราจะนำมาประกอบการพิจารณาตนเองก่อนที่จะยื่นกู้ ว่าตนเองมีรายได้ที่มั่นคงเพียงพอที่จะสามารถผ่อนชำระได้ตามกำหนดของธนาคารหรือไม่ เช่น มีความเสี่ยงที่จะถูกลดเงินเดือนหรือเลิกจ้างหรือไม่ มีรายได้ประจำหรือเปล่า หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะกู้ไม่ผ่านก็จะต้องใช้วิธีการอื่นมาช่วยซัพพอร์ตความน่าเชื่อถือและความมั่นคงทางรายได้ครับ
2. ประวัติเครดิตบูโรดีมาก
ประวัติการชำระหรือ Credit bureau คืออีกสิ่งหนึ่งที่ธนาคารจะใช้ประกอบการพิจารณา ฉะนั้นต้องเคลียร์ประวัติตรงนี้ให้ดีด้วยนะครับ
3. มีเงินเก็บหรือทรัพย์ค้ำประกัน
เงินเก็บและทรัพย์ค้ำประกันในรูปแบบอื่นๆ เช่น ที่ดิน บ้าน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ธนาคารมั่นใจว่า เราจะสามารถผ่อนชำระหรือผ่อนกับธนาคารได้ หากรายได้ประจำของเรามีการปรับเปลี่ยน ฉะนั้นถ้าคิดว่ารายได้ของเรามีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ผ่าน แนะนำว่าตอนยื่นให้นำบัญชีเงินเก็บ หรือหลักฐานทรัพย์สินอื่นๆ ของเรา ยื่นไปพร้อมกับเอกสารขอกู้ได้เลยครับ
4. กู้ร่วมกับผู้กู้ร่วมที่มีคุณสมบัติดี
กู้ร่วมคืออีกหนทางหนึ่งในช่วงนี้ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้ผ่านมากขึ้น โดยผู้กู้ร่วมควรจะเป็นผู้ที่มีความมั่นคงทางรายได้สูง ซึ่งธนาคารจะมั่นใจว่าเรามีความสามารถในการผ่อนบ้านในครั้งนี้ได้
Cr.baania.com