เมื่อผู้กู้ไปยื่นกู้ที่ธนาคาร อาจจะได้รับคำถามหรือข้อเสนอว่าจะทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองบ้านด้วยหรือไม่ ซึ่งทำให้ผู้กู้เงินสงสัยว่าประกันชีวิตนี้เป็นอย่างไรกัน และตนเองควรจะทำดีหรือไม่ในปัจจุบันหลายธนาคารจัดให้มีบริการประกันชีวิตเพื่อที่อยู่อาศัยขึ้นโดยมีหลักการสำคัญคือผู้ที่ทำประกัน จะได้รับความคุ้มครองในกรณีที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพในช่วงเวลาที่เอาประกัน บริษัทผู้ประกันจะจ่ายเงินกู้ในส่วนที่เหลือให้กับธนาคารแทนผู้กู้ ทำให้กรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้กู้หรือทายาททันที
สำหรับเบี้ยประกันจะมากหรือน้อยขึ้นกับวงเงินกู้ ระยะเวลาที่กู้ และอายุของผู้กู้ ซี่งถือเป็นดุลพินิจของผู้กู้โดยตรงในเรื่องของความพอใจที่จะเสี่ยง หรือไม่เสี่ยง หากผู้กู้มีความรู้สึกมั่นใจว่าตนเองมีสุขภาพดี และโอกาสเสี่ยงในชีวิตมีน้อยมากหรือไม่กลัวว่าหากตนเองเสียชีวิต จะเป็นภาระแก่ครอบครัวในการผ่อนหนี้ต่อไป และตนไม่ต้องการจะมีภาระในการจ่ายเบี้ยประกันเพิ่ม หากคิดอย่างนี้ ก็ไม่ต้องทำ แต่หากผู้กู้รู้สึกว่าความตาย หรือการประสบอุบัติเหตุจนทุพพลภาพ อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งถ้าเกิดขึ้นแล้ว ครอบครัว หรือทายาท อาจได้รับความเดือดร้อน เพราะรายได้หลักของครอบครัวขึ้นอยู่กับตน เมื่อตนไม่มีรายได้ บ้านอาจถูกยึดบังคับจำนองได้ ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาท และเพื่อความสบายใจว่าบ้านจะตกเป็นกรรมสิทธิของครอบครัว อย่างแน่นอน ตนก็สมควรจะทำประกันชีวิตประเภทนี้เอาไว้ โดยยอมรับภาระในการจ่ายเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย